วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร


นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร บัญชีป.ว.ส 1/3


บทที่ 5
การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย


ตอนที่ 1

1. อธิบายความหมายของ ระบบการสื่อสารข้อมูล
         
  การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับโดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน 



2. องค์ประกอบพื้นฐานของระบบสื่อสารมีอะไรบ้าง
          องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคม สามารถจำแนกออกเป็นส่วนประกอบได้ดังต่อไปนี้

1.ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล
2.ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล
3.ข้อมูล
4.ช่องทางการสื่อสาร
5.โปรโตคอล

      


3.สัญญาณอนาล็อกต่างจากสัญญาณดิจิตอลอย่างไร

       สัญญาณอนาลอก (Analog Signal) หมายถึงสัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง (Continuouse Data) มีขนาดของสัญญาณไม่คงที่ การเปลี่ยนแปลงขนาดของสัญญาณแบบค่อยเป็นค่อยไป มีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยการส่งสัญญาณแบบอนาล็อกจะถูกรบกวนให้มีการแปลความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณเสียงในสายโทรศัพท์ เป็นต้น

สัญญาณดิจิตอล(Digital Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง(Discrete Data) ที่มีขนาดแน่นอนซึ่งขนาดดังกล่าวอาจกระโดดไปมาระหว่างค่าสองค่า คือ สัญญาณระดับสูงสุดและสัญญาณระดับต่ำสุด ซึ่งสัญญาณดิจิตอลนี้เป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทำงานและติดต่อสื่อสารกัน

อนาล็อก กับ ดิจิตอล ต่างกันอย่างไร? อนาล็อก กับ ดิจิตอล มีความแตกต่างกันทางความต่อเนื่องของสัญญาณ และความแม่นยำของสัญญาณ


4. รูปแบบการส่งสัญญาณข้อมูลแบบ Full-Duplex เป็นอย่างไร
          การส่งสัญญาณทางคู่ (Full-Duplex หรือ Both way Transmission) การส่งสัญญาณแบบนี้สามารถส่งข้อมูลได้พร้อมกันทั้งสองทางในเวลาเดียวกัน เช่น การใช้โทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถพูดสายโทรศัพท์ได้พร้อม ๆ กัน


5. สื่อกลางในการสื่อสารชนิดสื่อที่สามารถกำหนดเส้นทางได้เป็นอย่างไร ยกตัวอย่าง
            ตัวกลางหรือสายเชื่อมโยง เป็นส่วนที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และอุปกรณ์ที่ยอมให้ข่าวสารข้อมูลเดินทางผ่านจากผู้ส่งไปสู่ผู้รับ สื่อกลางที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในด้านของปริมาณข้อมูลที่สื่อกลางนั้นๆ สามารถนำผ่านไปได้ในเวลาขณะใดขณะหนึ่ง การวัดปริมาณหรือความจุในการนำข้อมูลหรือที่เรียกกันว่า แบนด์วิดธ์ (Bandwidth) มีหน่วยเป็นจำนวน บิต ข้อมูลต่อวินาที (bits per second: bps)ลักษณะของตัวกลางต่างๆ เช่น
       1)สายคู่บิดเกลียว(twisted pair) 
       2)สายโคแอกเชียล(coaxial)
       3)เส้นใยนำแสง(Fiber Optic) 


6.สายโคแอกเชียลมีคุณสมบัติอย่างไร ยกตัวอย่างการนำสายชนิดนี้มาใช้งานด้านใดบ้าง
          สายโคแอกเชียล(coaxial) เป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศของโทรทัศน์ สายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปมี ชนิดคือ 50 โอห์ม ซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิตอล และชนิด 75 โอห์ม ซึ่งใช้ส่งข้อมูลสัญญาณแอนะล็อก สายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วจากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นเปีย เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงที่ถักเป็นเปียนี้เอง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้าสามารถผ่านได้สูงมากและนิยมใช้เป็นช่องสื่อสารสัญญาณแอนะล็อกเชื่อมโยงผ่านใต้ทะเลและใต้ดิน


7.เพราะเหตุใดจึงนำเอาสายเคเบิลใยแก้วนำแสงมาเป็นแกนหลัก (Backbone) ของเครือข่าย                                     
       เพราะเส้นใยนำแสง(Fiber Optic) มีแกนกลางของสายซึ่งประกอบด้วยเส้นใยแก้วหรือพลาสติกขนาดเล็กหลาย ๆ เส้นอยู่รวมกัน เส้นใยแต่ละเส้นมีขนาดเล็กเท่าเส้นผมและภายในกลวง และเส้นใยเหล่านั้นได้รับการห่อหุ้มด้วยเส้นใยอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสุดด้วยฉนวน การส่งข้อมูลผ่านทางสื่อกลางชนิดนี้จากแตกต่างจากชนิดอื่น ๆ ซึ่งใช้สัญญาณไฟฟ้าในการส่ง แต่การทำงานของสื่อกลางชนิดนี้ จะใช้เลเซอร์วิ่งผ่านช่องกลวงของเส้นใยแต่ละเส้น และอาศัยหลักการหักเหของแสง โดยใช้ใยแก้วชั้นนอกเป็นกระจกสะท้อนแสง การให้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้ว สามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลสูงมาก และไม่มีการก่อกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัจจุบันถ้าใช้เส้นใยนำแสงกับระบบอีเทอร์เน็ต จะใช้ได้ด้วยความเร็วหลายร้อยเมกะบิต และเนื่องจากความสามารถในการส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นสูง ทำให้สามารถส่งข้อมูลทั้งตัวอักษร เสียง ภาพกราฟิก หรือวีดิทัศน์ได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการส่งสูง แต่อย่างไรก็มีข้อเสียเนื่องจากการบิดงอสายสัญญาณจะทำให้เส้นใยหัก จึงไม่สามารถใช้สื่อกลางชนิดนี้ในการเดินทางตามมุมตึกได้ เส้นใยนำแสงมีลักษณะพิเศษที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงแบบจุดไปจุด ดังนั้นจึงเหมาะที่จะใช้กับการเชื่อมโยงระหว่างอาคารกับอาคาร หรือระหว่างเมืองกับเมือง เส้นใยนำแสงจึงถูกนำไปใช้เป็นสายแกนหลัก        


8.หากไม่ต้องการใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงเป็นแกนหลักของเครือข่าย จะใช้สื่อชนิดใดแทนได้ เพราะเหตุใด
           สายโคแอกเชียล  เพราะมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับสายเคเบิลใยแก้วนำแสง


9.อธิบายความหมายของ "ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์"
        คือมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เครื่องขึ้นไปที่เป็นอิสระต่อกันได้โดยไม่จำกัดและมีความชัดเจนในเรื่องของจำนวนเครื่อง


10.ประโยชน์ของระบบเครือข่ายมีอย่างไรบ้าง
          1.การใช้ทรัพยากรร่วมกัน
         2.ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้
         3.เพิ่มความเชื่อถือ
         4.ประหยัดงบประมาณ
         5.ควบคุมและจัดสรรทรัพยากรจากส่วนกลาง
         6.เพิ่มจำนวนผู้ให้บริการและผู้ใช้ได้ตลอดเวลา
         7.อุปกรณ์(Equipment)ที่มีความแตกต่าง  สามารถใช้งานร่วมกันได้



  ตอนที่3


1.UTP
      สายยูทีพี เป็นสายคู่บิดเกลียว ไม่มีฉนวนหุ้มอีกชั้น มักใช้ในการเดินสายโทรศัพท์และระบบเครือข่ายใกล้ๆ
2.Unguided  Media
 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดเส้นทางได้
3.Downlink
        สัญญาณดาวลิงก์  เป็นสัญญาณป้องกันการรบกวนเข้ามา
4. Transponder
 ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่รับมาซึ่งมีกลไก
5.Distributed  System
 คอมพิวเตอร์แบบกระจาย ผู้ใช้สามารถประมวลผลได้เองไม่ต้องมาที่ศูนย์

6.WAN
 เครือข่ายวงกว้าง  ระบบเครือข่ายที่ขยายเขตการเชื่อมต่อครอบคลุมพื้นที่ระดับระดับภูมิภาค

7.Wireless  Communication
 เครือข่ายไร้สายแบบดิจิตอล  เป็นเทคโนโลยีที่เอื้อให้สามารถทำงานได้ทุกสถานที่และทุกเวลา
8.PDA
  เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจดบันทึก เก็บข้อมูลเดือน เวลานัดหมาย หรือจัดการงานต่างๆได้สะดวกรวดเร็ว

9.
Broadcast  Network
  เป็นแบบกระจาย  ประกอบด้วย ช่องสื่อสารเพียงหนึ่งช่องซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายจะใช้งานร่วมกัน

10.Application  Layer
 ระดับชั้นแอฟพลิเคชั้น  เป็นระดับที่ผู้ใช้ติดต่อกันกับระบบเครือข่ายผ่านโปรแกรมประยุกต์ 


นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร บัญชีป.ว.ส 1/3


บทที่4 
 
 
การวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน

2.อธิบายความหมายของ "การวิเคราะห์ระบบ"

ตอบ การวิเคราะห์ระบบ คือ ขั้นตอนค้นหาและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบที่จะพัฒนา ค้นหาปัญหาจากระบบงาน และวิเคราะที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทาง พัฒนาปรับปรุง ระบบงานให้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จากงานเดิมให้ดีขึ้นได้อย่างไร นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยังต้องทำการศึกษาความต้องการของระบบงานใหม่ที่จะได้รับจากการพัฒนาในอนาคต ต้องการให้ระบบงานใหม่ในภาพรวมทำงานอะไรได้บ้าง
ประเด็นสำคัญของการวิเคราะห์ระบบ คือ หาปัญหา เสนอแนวทางปรับปรุง หรือแนวทางการแก้ปัญหาบอกทิศทางการพัฒนาระบบงานใหม่ว่าควรพัฒนาแล้วระบบงานใหม่อะไรบ้าง

3. วงจรพัฒนาระบบมีกี่ขั้นตอนอะไรบ้าง

ตอบ วงจรพัฒนาระบบมี 5 ขั้นตอน

1. ขั้นเตรียมการ สำรวจ กำหนดปัญหา

2. การวิเคราะห์ ทำความเข้าใจกับระบบเดิม

3. การออกแบบ การวางแผนออกแบบระบบใหม่

4. การพัฒนา การทำงานเพื่อให้ได้ระบบงานใหม่ตามที่ออกแบบ

5. การนำไปใช้ การเปลี่ยนไปใช้ระบบใหม่

4. การปรับปรุงระบบงานจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการวิเคราะห์ระบบงานก่อน ดังนั้นในขั้นแรกของการการวิเคราห์และออกแบบระบบงานต้องทำอย่างไรบ้าง

ตอบ การค้นหาปัญหาของระบบเดิมที่ใช้อยู่ การที่นักวิเคราะห์ระบบจะทราบได้ว่าองค์กรที่จะทำการวิเคราะห์ระบบนั้น ๆ มีปัญหาหรือไม่ จะต้องทำการแยกแยะระหว่างปัญหาที่เกิดขึ้นจริงกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการตั้งข้อสังเกตของบุคลากรในองค์กรว่าเป็นปัญหา นักวิเคราะห์ระบบจะต้องฉลาดพอที่จะวินิจฉัยข้อแตกต่างระหว่าง 2 ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ และเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงกับผลของปัญหา เช่น การไม่มีสถานที่เพียงพอสำหรับพนักงานในสำนักงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องการไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับพนักงาน แต่ที่จริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นคือการจัดระบบการวางสิ่งของยังไม่ดีพอการไม่มีที่เพียงพอเป็นเพียงอาการของปัญหาเท่านั้น นักวิเคราะห์ระบบต้องทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้
โดยปกติแล้ว นักวิเคราะห์ระบบจะรับทราบปัญหาไว้จากหลาย ๆ แหล่ง ในที่นี้จะแจกแจงออกเป็นรายงานปัญหาที่มาจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทาง พัฒนาปรับปรุง ระบบงานให้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จากงานเดิมให้ดีขึ้นได้อย่างไร นอก
7. แผนกระแสข้อมูลมีประโยชน์อย่างไร
        ตอบ1.แผนภาพกระแสข้อมูล ใช้งานได้อิสระโดยไม่จำเป็น ต้องใช้เทคนิคอื่น ๆ เข้ามาช่วย เนื่องจากมีสัญลักษณ์ที่ แทนสิ่งต่าง ๆ ที่วิเคราะห์ระบบ
2.การใช้แผนภาพกระแสข้อมูล ใช้งานได้ง่าย สามารถมองเห็นระบบใหญ่ และ ระบบย่อยที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ได้อย่างชัดเจน
3.เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างทีมงานที่พัฒนาระบบ และผู้ใช้งานระบบได้เป็นอย่างดี
4.แผนภาพกระแสข้อมูล ทำให้ขั้นตอนการทำงาน และข้อมูลต่าง ๆ เป็นแผนภาพการไหลของข้อมูลระหว่างโพรเซสได้
10. เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาระบบเพื่อกำหนดระยะเวลาในการทำงานคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร     ตอบ การที่จะหาว่าโครงการแต่ละโครงการควรจะแล้วเสร็จเมื่อใด สิ่งที่จะต้องทำในขั้นตอนแรกก็คือการจัดทำตารางเวลา(TimeTable)ของทุกๆกิจกรรม(Activity)ที่สร้างขึ้นเป็นงานหรือกล่าวได้ว่าต้องมีการจัดเตรียมแผนสำหรับการทำงานนั้น คือ ผังงานแกนท์ (Gantt Chart) แผนภูมิแกนต์ มีประโยชน์ในการวางแผนและควบคุมติดตามการผลิตหรือการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การผลิตนั้นจะมีกระบวนการซ้ำ ๆ หรือมีการพัฒนา สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด, ระยะเวลาเร็วที่สุดที่โครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้ในการบันทึกและดูความกว้าหน้าของงาน วิเคราะห์ความกว้าหน้าของงาน และปรับเปลี่ยนการวางแผนได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมรู้จักกันแพร่หลาย แต่ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ทำง่าย เข้าใจง่าย ไม่มีการคำนวณที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการทำ

ตอนที่ 3 อธิบายสัญลักษณ์ในการเขียนผังงานต่อไปนี้ 


1. จุดที่มีการปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง



 

2. จุดที่จะนำข้อมูลเข้าจากภายนอก หรือออกสู่ภายนอก โดยไม่ระบุชนิดของอุปกรณ์
 






3. จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการทำงาน


4. แสดงผลทางจอภาพ




5. แสดงผลทางเครื่องพิมพ์





6. จุดที่จะต้องเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง





7. โปรแกรมย่อย หรือโมดูล เริ่มทำงานหลังจากจบคำสั่งในโปรแกรมย่อยแล้ว จะกลับมาทำคำสั่งต่อไป



 

8. การเตรียมทำงานลำดับต่อไป




9. จุดเชื่อมต่อของผังงานใช้สัญลักษณ์นี้เพื่อให้ดูง่าย


 





10.จุดเชื่อมต่อของผังงานที่อยู่คนละหน้ากระดาษ



นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร บัญชีป.ว.ส 1/3

 
 
อุปกรณ์ Input และ Output



ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

 
หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่หน่วยความจำหลัก ปัจจุบันมีสื่อต่าง ๆ ให้เลือกใช้ได้มากมาย แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
 อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device) เช่น แป้นพิมพ์ (Keyboard) แบ่งเป็น 4 กลุ่มด้วยกันคือ
- แป้นอักขระ (Character Keys)
- แป้นควบคุม (Control Keys)
- แป้นฟังก์ชัน (Function Keys)
- แป้นตัวเลข (Numeric Keys)
 อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (Pointing Device) เช่น เมาส์ (Mouse) ลูกกลมควบคุม (Track ball) แท่งชี้ควบคุม (Track Point) แผ่นรองสัมผัส (Touch Pad) จอยสติก (Joy stick) เป็นต้น

 
จอภาพระบบไวต่อการสัมผัส (Touch-Sensitive Screen) เช่น จอภาพระบบสัมผัส (Touch screen)

 ระบบปากกา (Pen-Based System) เช่น ปากกาแสง (Light pen) เครื่องอ่านพิกัด (Digitizing tablet)
อุปกรณ์กวาดข้อมูล (Data Scanning Device) เช่น เอ็มไอซีอาร์ (Magnetic Ink Character Recognition - MICR) เครื่องอ่านรหัสบาร์โค้ด (Bar Code Reader) สแกนเนอร์ (Scanner) เครื่องรู้จำอักขระด้วยแสง (Optical Character Recognition - OCR) เครื่องอ่านเครื่องหมายด้วยแสง (Option Mark Reader -OMR) กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (Digital Camera) กล้องถ่ายทอดวีดีโอดิจิตอล (Digital Video)
 
 อุปกรณ์รู้จำเสียง (Voice Recognition Device) เช่น อุปกรณ์วิเคราะห์เสียงพูด (Speech Recognition Device)


ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ > หน่วยแสดงผล (Output Unit)

หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
  1. หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ > หน่วยแสดงผล (Output Unit)

หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหมายถึงการแสดงผลออกมาให้ผู้ใช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกการทำงานหรือเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไป ไม่เหลือเป็นวัตถุให้เก็บได้ ถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์นั้นก็สามารถส่งถ่ายไปเก็บในรูปของข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในภายหลัง ได้แก่
จอภาพ (Monitor)
อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector) 

  1. หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy
  2. หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy)
    หมายถึงการแสดงผลที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรูปของกระดาษ ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปใช้ในที่ต่าง ๆ หรือให้ผู้ร่วมงานดูในที่ใด ๆ ก็ได้ อุปกรณ์
              

นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร บัญชีป.ว.ส 1/3


         แบบทสอบและกิจกรรมฝึกทักษะ
               บทที่2 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

1. ระบบคอมมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนสำคัญกี่ส่วน อะไรบ้าง
ตอบ  มี3ส่วน   ฮาร์ดแวร์  ซอร์ฟแวร์และ บุคลากร

2.หน่วยประมวลผลกลางทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ  หน่วยประมวลผลกลางก็คือCPU ที่ถือได้ว่าเป็นมันสมองของคอมพิวเตอร์
ซึ่งหน่วยประมวลผลกลางนี้มีหน้าที่ดังนี้ค่ะ
* อ่านและแปลคำสั่ง
* ประมวลผลตามคำสั่ง
* ติดต่อกับหน่วยความจำ
* ติดต่อรับส่งข้อมูลกับผู้ใช้
* ย้ายข้อมูลและคำสั่งระหว่างหน่วยงาน


3.ROM และRAMต่างกันอย่างไร มีกี่ชนิด อะไรที่ใช้กับระบบ POS
ตอบ   ROM * คุณสมบัติคือ เก็บข้อมูลแบบถาวร แต่ความเร็วต่ำ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก และไม่มีการแก้ไขข้อมูลบ่อย
          ชนิดของROMมี3ชนิด คือ  PROM    EPROM     EEPROM   และยังใช้ได้กับระบบ  POS
           RAM * คุณสมบัติ เก็บข้อมูลได้เฉพาะเมื่อมีไฟเลี้ยง ความเร็วสูง สามารถมีขนาดใหญ่ๆ ได้ เพื่อใช้กับงานที่มีข้อมูลมากๆ

           ชนิดของRAMมี2ชนิด คือ  DRAM    SRAM

ตอนที่3

1.ซอร์ฟแวร์คืออะไร  แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท  อะไรบ้างจงอธิบาย
ตอบ   คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่งในการคอบคุมหรือสั่งให้ซอร์ฟแวร์ปฎิบัติงานได้ ตามวัตถุประสงค์การนำข้อมูล  การประมวลข้อมูล  การแสดงผลลัพธ์  การจัดเก็บข้อมูล  และการคอบคุมการปฎิบัติงานในระบบสารสนเทศ
 แบ่งออกเป็น2ประเภท คือ   วอร์ฟแวร์ระบบ     ซอร์ฟแวร์ประยุกต์

2.โปนแกรมประเภทฟรีแวร์  แชร์แวร์  และเฟิร์มแวร์ เป้นอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ      ฟรีแวร์ (Freeware)  หมายถึงโปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้แก่สาธารณชนใช้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีแวร์ไปใช้เองและถ่ายโอนให้แก่ผู้อื่นต่อๆ ไปได้ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่นำไปขายหรือหารายได้จากโปรแกรมนั้น โปรแกรมฟรีแวร์มีหลายประเภท ทั้งโปรแกรมระบบ เช่นLinux , โปรแกรมเกมส์และข้อมูลด้านการศึกษาต่างๆ เป็นต้น เราสามารถหาโปรแกรมฟรีแวร์ๆ ได้จากเว็บไซต์ทั่วไป เช่น freeware.com , thaiware.com
              แชร์แวร์ (shareware)  หมายถึงโปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้น ตั้งใจจะขาย แต่ยอมให้ผู้สนใจนำไปทดลองใช้ดูก่อน โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เมื่อใช้แล้วพอใจและต้องการนำไปใช้งานจริงจัง จะต้องจ่ายเงินซื้อโปรแกรมภายหลังการทดลองใช้งานอาจมีข้อตกลง เช่น 30 วัน , 45 วัน , 60 วัน เป็นต้น ถ้าพอใจก็ส่งเงินไปลงทะเบียน และรับโปรแกรมฉบับบสมบูรณ์เต็มรูปแบบได้ โปรแกรมแชร์แวร์ส่วนใหญ่จะมีราคาไม่แพง คุณภาพพอใช้ได้โปรแกรมบางอย่างใช้งานได้ดีกว่าโปรแกรมที่ขายราคาพงๆ ด้วยซ้ำ และบนอินเทอร์เน็ตนั้นมีแชร์แวร์จำนวนมากให้เราเลือกใช้ การจะดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้งานนั้น สามารถติดต่อผ่านเว็บเบราวเซอร์ ได้
               เฟิร์มแวร์ (Firmware ) หมายถึง software ที่สามารถทำให้ siemens ของคุณupdate ลูกเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ เป็นการพัฒนา software ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อเพิ่มสมรรถนะการทำงานในโทรศัพท์มากขึ้น เพราะใน โทรศัพท์มือถือในสมัยนี้ software จะมีบทบาทเข้ามาสนับสนุนและทำให้โทรศัพท์มีขนาดเล็กลง โดยภายใน ตัวเครื่องจะใช้ Rom เป็นที่เก็บ ดังนั้นการ Up Grade Firmware เข้าไปในเครื่องก็จะทำให้เครื่องของเรา ได้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ

นางสาว สุวิมล วุฒิยาสาร บัญชีป.ว.ส 1/3


                                             แบบทดสอบและกิจกรรมการฝึกทักษะ
                                       บทที่3การประมวลผลข้อมูล
1.ข้อมูลปฐมภูมิ และข้อมูลทุติยภูมิต่างกันอย่างไร
ตอบ   คือ ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งกำเนิดข้อมูลโดยตรง เป็นการค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง จากการสัมภาษณ์   การสอบถาม 
          ข้อมูลทุติยภูมมิ คือ ข้อมูลที่มีผู้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้แล้ว  สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีเช่น ข้อมูลประชากรหญิง

2.อธิบายความหมายของเขตข้อมูล
ตอบ หมายถึง ที่ซึ่งใช้เก็บข้อมูลเฉพาะในโปรแกรมประเภทการจัดการฐานข้อมูล โดยจัดแบ่งให้แต่ละเขตเก็บข้อมูลแต่ละเรื่อง เช่น แบ่งเป็นเขต ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อายุ เพศ ฯ ถ้าเรานำเขตข้อมูลเหล่านี้หลาย ๆ เขตมารวมกัน จะเรียกว่า "ระเบียน" (record)

3.ขั้นตอนการเตรียมข้อมูลมีอะไรบ้าง
ตอบ   -  การรอบรวมข้อมูล
           - การกำหนดรหัส
           - การจัดกลุ่ม
           - การตรวจสอบ
           -  การนำเข้าจข้อมูล

ตอนที่3

1. System Analyst
ตอบ   นักวิเคราะห์ระบบ คือ มีหน้าที่วิเคราะห์ระบบ ออกแบบ และนำระบบสารสนเทศบนคอมพิวเตอร์เป็นพื้นฐานมาใช้งาน
2. MIS  
ตอบ  คือ บุคลากร มีหน้าที่เกี่ยวกับตำแหน่ง บทบาทและความรับผิดชอบ  มีการติดต่อโดยตรงกับผู้บริหารและผู้ใช้ประกอบด้วย
-ผู้บริหารปฎิบัติการคอมพิวเตอร์
-พนักงานปฎิบัติการคอมพิวเตอร์
-พนักงานป้อนข้อมูล
-บรรณารักษ์ระบบ
3.DSS
ตอบ  ระบบสนับสนุนกาารตัดสินใจ
4.EIS
ตอบ  ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง
5.ES
ตอบ  ระบบผู้เชี่ยวชาญ เป็นส่วนหนึ่งในการค้นคว้า ปํญญาประดิษฐ์ซึ่งทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถของคอมพิวเตอร์ในด้านการหาเหตุและผล
6.Knowledge Base
ตอบ   ฐานความรุ้ คือการเก็บความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างในรูปแบบแตกต่างกัน เช่น กฎระเบียบ และข้อเท็จจริง
7.User interface
ตอบ  ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้คือ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์บนจอภาพแสดงถึงความพร้อมที่จะรับคำสั่ง
8.Interence Engine
ตอบ  เครื่องอนุมาน คือ ระบบของโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างระบบของผู้เชี่ยวชาญ อนุมานอาจมีลักษณะวินิจฉัยไปข้างหน้า หรือย้อนหลังก็ได้
9.Data Structured
ตอบ    (โครงสร้างข้อมูล) เป็นรูปแบบพิเศษสำหรับการจัดและเก็บข้อมูล ประเภทโครงสร้างข้อมูลทั่วไปรวมถึง array, ไฟล์, เรคคอร์ด, ตารางข้อมูล, tree และอื่นๆ 
10.Semi Structured
ตอบ  ข้อมุลความรู้จะเป็นลักษณะแบบกึ่งโครงสร้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น